วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

เสิร์ชเอนจิน

เสิร์ชเอนจิน (search engine) 
หรือ โปรแกรมค้นหา คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

เสิร์ชเอนจินอื่นๆ

  • ไป่ตู้ (Baidu) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน
  • คูล (Cuil)
  • ยานเดกซ์ (Yandex) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของรัสเซีย

เสิร์ชเอนจินในอดีตที่ยกเลิกการใช้งานแล้ว

ประเภทของเครื่องมือค้นหา

  • Catalog based search engine เป็นโปรแกรมสืบค้นข้อมูลในอินเทอร์เน็ตชนิดหนึ่ง โดยโปรแกรมจะรวบรวม และแยกจัดเก็บเว็บไว้ในฐานข้อมูลตามประเภทหัวข้อของเว็บ เมื่อผู้ใช้มาค้นหา ก็จะสามารถเข้าไปดูตามหัวข้อต่าง ๆ แล้วดูหัวข้อย่อย ๆ เข้าไปอีกจนกว่าจะเจอหัวข้อหรือเรื่องที่ต้องการ ตัวอย่าง catalog based search engine คือ Yahoo เป็นต้น ซึ่งจะต่างกับ query based search engine ที่จะต้องพิมพ์คำค้นหาเพื่อตรวจสอบกับฐานข้อมูลว่ามีข้อมูลนี้หรือไม่ ถ้ามีก็จะแสดงรายชื่อออกมา

    หลักการทำงานของเสิร์ชเอนจิน

    • การตรวจค้นหาข้อมูลในเว็บเพจต่างๆ
    • ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลที่ได้ทำการตรวจค้นไว้ในฐานข้อมูล
    • การแสดงผลการค้นหาข้อมูล
    • หลักการทำงานของ Search Engine คือ ระบบ Search Engine จะสร้างระบบเก็บข้อมูล หรือที่เรียกว่า Google Bot สำหรับไต่ (Crawl) ตาม Links ต่างๆ เพื่อเก็บข้อมูลเว็บต่างๆ ไปไว้ใน Server และจะถูกจัดอันดับด้วยระบบ Algorithm ที่จะประมวลผลว่าเว็บไหนมีคุณภาพ และเกี่ยวก้บเรื่องอะไร โดยจะจัดเก็บข้อมูลไว้ตามหมวดหมู่ต่างๆ เมื่อผู้ค้นหาข้อมูลผ่านทาง Search Bot ด้วย Keyword ต่างๆ ระบบ Search Engine จะไปค้นหาข้อมูลเหล่านั้นมาแสดงผลให้ผู้ค้นหาข้อมูล
      * Search Engine
           การค้นหาข้อมูล (Search Engineหมายถึง  การค้นหาข้อมูลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าเราเปิดไปทีละหน้าจออาจจะต้องเสียเวลาในการค้นหา และอาจหาข้อมูลที่เราต้องการไม่พบ การที่เราจะค้นหาข้อมูลให้พบอย่างรวดเร็วจะต้องใช้เว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูลที่เรียกว่า Search Engine Site ซึ่งจะทำหน้าที่  รวบรวมรายชื่อเว็บไซต์ต่างๆ เอาไว้ โดยจัดแยกเป็นหมวดหมู่
      Web search engine ที่นิยมใช้กันมากที่สุด 3 อันดับ คือ  1. Google  2. Yahoo  3. MSN/Windows Live

      * ประเภทของการค้นหาข้อมูล Search Engine
           1.  Search Engine  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง
           Search Engine ประเภทนี้ ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลได้ตรงกับความต้องการมากที่สุด  เพียงแค่ระบุคำที่ต้องการค้นหาข้อมูล  เป็นรูปแบบที่นิยมมาก  เว็บไซต์ที่นิยมใช้ในการค้นหาข้อมูลในแบบนี้  เช่น  www.google.co.th
           2. Subject Directories การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่  มีเว็บไซต์ที่เป็นตัวกรองในการรวบรวมข้อมูล  ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต   จัดข้อมูลเป็นหมวดหมู่เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกข้อมูลตามที่ต้องการได้
               การค้นหาข้อมูลวิธีนี้มีข้อดี  คือ  สามารถเลือกจากชื่อไดเรกทอรี่ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการค้นหา  และสามารถเลือกเข้าไปดูว่ามีเว็บไซต์บ้างได้ทันที  เช่น 
      www.sanook.com
           3. Meta search Engines การค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล  เป็นการค้นหาข้อมูลจากหลาย ๆ  Search Engine ในเวลาเดียวกัน  เพราะเว็บไซต์ที่เป็นMeta search จะไม่มีฐานข้อมูลของตนเอง  แต่จะค้นหาเว็บเพจที่ต้องการ  โดยวิธีการดึงจากฐานข้อมูลของ Search Site  จากหลายแหล่งมาใช้แล้วจะแสดงผลให้เลือกตามความต้องการ  เช่น  www.thaifind.com
            
       การค้นหาโดยใช้  Search Engine  แบ่งเป็น 2 วิธี
            1.  การระบุคำเพื่อใช้ในการค้นหา  หรือเรียกว่า "คีย์เวิร์ด (Keyword) โดยในเว็บไซต์ต่าง ๆ  ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลจะมีช่องเพื่อให้กรอกคำที่ต้องการค้นหาลงไป  แล้วจะนำคำดังกล่าวไปค้นหาจากข้อมูลที่ได้จัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลของระบบ  เว็บไซต์ที่ให้บริการ  เช่น  www.google.co.th  การใช้คีย์เวิร์ดในการค้นหาข้อมูลต้องพยายามระบุคำให้ชัดเจน
            2.  การค้นหาจากหมวดหมู่  หรือไดเรกทอรี่ (
      Directories)  การให้บริการค้นหาข้อมูลด้วยวิธีนี้เปรียบเสมือนเราเปิดเข้าไปในห้องสมุด  ที่จัดหมวดหมู่ของหนังสือไว้แล้ว  ภายในหมวดใหญ่นั้น ๆ ประกอบด้วยหมวดหมู่ย่อย ๆ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น  หรือแบ่งประเภทของข้อมูลให้ชัดเจน  จะสามารถเข้าไปหยิบหนังสือเล่มที่ต้องการได้แล้วก็อ่านเนื้อหา  มีเว็บมากมายที่ให้บริการค้นหาข้อมูลในรูปแบบนี้  เช่น  www.siamguru.com  www.sanook.com   www.hunsa.com www.thaiwebhunter.com
           บทสรุปของการเลือกใช้ Search Engine การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต  เป็นการบริการบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง  เนื่องจากบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีแหล่งข้อมูลอยู่มากมาย  และมีความสะดวกในการค้นหามากกว่าการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด  การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจะต้องใช้เว็บไซต์ประเภท Search Engine  เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาข้อมูลข่าวสารได้
           ประเภทของการค้นหาข้อมูลแบ่งเป็น  3  ประเภท  คือ  การค้นหาข้อมูลด้วยคำที่เจาะจง  การค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่  และการค้นหาข้อมูลจากหลายแหล่งข้อมูล  ผู้ใช้สามารถเลือกวิธีการค้นหาและใช้เทคนิคในการค้นหาข้อมูลช่วย  เพื่อที่จะได้รับข้อมูลให้ตรงตามความต้องการและทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้เร็วขึ้นอีกด้วย
           ปัจจุบันมีเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่เป็นเว็บไซต์ประเภท 
      Search Engine และเว็บไซต์ที่ให้บริการค้นหาข้อมูลอยู่หลายเว็บไซต์  ทำให้ผู้ใช้ได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น  และการใช้บริการรูปแบบนี้เสมือนเป็นการเปิดประตูห้องสมุดขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลอยู่มากมาย  ทำให้ข้อมูลที่ได้รับไม่เฉพาะเจาะจงอยู่เพียงในขอบเขตใดขอบเขตหนึ่งเท่านั้น  แต่สามารถหาได้จากหลายแหล่งข้อมูลทั่วโลก

การสนทนาออนไลน์

- การสนทนาออนไลน์
การสนทนาออนไลน์ หรือ Internet Relay Chat (IRC) หมายถึง โปรแกรมที่ถูกสร้างมาเพื่อการสนทนาเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยการพิมพ์ข้อความผ่านคีย์บอร์ดขึ้นสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ซึ่งจะมีชื่อของผู้เล่นและข้อความแสดงขึ้นในหน้าต่างภายในจอคอมพิวเตอร์ของโปรแกรมสนทนา ให้คนอื่น ๆ ที่ร่วมสนทนาในห้องสนทนา (chat room) นั้น ๆ ได้เห็นว่า ผู้เล่นสนทนาคนอื่น ๆ สามารถเข้าสนทนาได้
บริการสนทนาออนไลน์บนอินเทอร์เน็ต เป็นการสื่อสารผ่านข้อความ เสียง และรูปภาพจาก Webcam โดยมีการโต้ตอบกันอย่างทันทีทันใด (real-time) มีลักษณะเดียวกันกับการสนทนาโดยโทรศัพท์ ต่างกันตรงที่ผู้สนทนาจะสื่อสารผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งข้อความ ภาพ และเสียงให้กันโดยมีอินเทอร์เน็ตเป็นสื่อกลางในการส่งข้อมูล 
การสนทนาออนไลน์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลว่าจะใช้งาน ข้อดีที่คือการได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ได้แนวความคิดหลากหลาย มองโลกได้กว้างขึ้นโดยที่เป็นการลดช่องว่างด้านเวลา และสถานที่ ทำให้ได้รับรู้ประสบการณ์ของผู้อื่นพร้อมกับเผยแพร่ประสบการณ์ของตัวเองที่เป็นประโยชน์ เผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ส่วนข้อเสียเป็นอาการติดสนทนาออนไลน์ไม่สนใจกิจกรรมอื่นนอกจากสนทนาออนไลน์ 
รูปแบบการสนทนาออนไลน์ ในปัจจุบันมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มสีสันการสนทนามากมาย ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความแตกต่าง ความน่าสนใจ ทำให้เข้ามาสนทนาพูดคุย สามารถแบ่งรูปแบบการสนทนาออนไลน์อย่างกว้าง ๆ ได้เป็น รูปแบบด้วยกัน คือ Web Chat, Web Board และโปรแกรมสนทนาออนไลน์ Web Chat เป็นการสนทนาโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง ซึ่งจะทำให้เกิดกลุ่มสนทนาแล้วทุกคนที่ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์นั้นสามารถได้รับข้อความนั้นได้พร้อม ๆ กัน หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าห้องสนทนา (chat room) เป็นการเข้าไปคุยกันในเว็บที่จัดให้บริการ เป็นการคุยตอบโต้ระหว่างกันผ่านเซิร์ฟเวอร์ โดยใช้บราวเซอร์ปกติ รูปแบบ และบรรยากาศของห้องคุยก็จะขึ้นอยู่กับผู้สร้างสรรค์เว็บบริการนั้น ๆ ว่าให้ความน่าสนใจมากน้อยเพียงใด ซึ่งแต่ละห้องจะมีคนพูดคุยพร้อม ๆ กันหลายคน

- รูปแบบการสนทนาออนไลน์ (Chat)
การสนทนาออนไลน์ผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง
เป็นลักษณะการสนทนาแบบเป็นกลุ่ม โดยผู้สนทนาจะพิมพ์ข้อความที่ต้องการสื่อสารผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ และเซิร์ฟเวอร์จะส่งข้อความเหล่านั้นออกมาแสดงบนหน้าจอของทุกคนที่กำลังติดต่อกับกับเซิร์ฟเวอร์อยู่ซึ่งเราเรียกว่า ห้องสนทนา (Chat Room)
วิธีการสนทนาออนไลน์ผ่านทางเซิร์ฟเวอร์กลาง จะมีเทคนิคเพื่อให้เลือกใช้บริการดังนี้
1. การสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม คือ ลักษณะการสนทนาด้วยข้อความในห้องสนทนาโดยใช้โปรแกรมของแต่ละเครื่องของผู้ใช้ มีเซิร์ฟเวอร์มากมาย เช่น PIRCH,mIRC และ Comic Chat
2. การสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บ (Web Chat) คือ รูปแบบของการนำวิธีการทำงานบนเว็บเซิร์ฟเวอร์มาทำให้เกิดห้องสนทนา บนเว็บเพจของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ โดยไม่ต้องมีโปรแกรมรันอยู่บนเครื่องของผู้สนทนา ปัจจุบันการสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บได้นำเทคโนโลยี จาวา (Java) มาใช้เขียนโปรแกรม

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Chat Room
1.พิมพ์ URL ที่ช่อง Address: htt://www.sanook.com
2.คลิกเลือกที่ คุยสด จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
Java Chat ซึ่งจะต้องติดตั้งโปรแกรม Java Applet ก่อน จึงจะสามารถสนทนารูปแบบนี้ได้Classic Chat เป็นรูปแบบดั้งเดิของการสนทนาออนไลน์โดยผ่ามเซิร์ฟเวอร์ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆเพิ่มเติม
3.เมื่อเลือก Ciassic Chat จะมีรายชื่อของห้องสนทนาต่างๆภายในเซิร์ฟเวอร์แสดงออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามควมสนใจ เพื่อจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อนๆภายในห้องสนทนาที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน
4.เมื่อเลือกห้องที่ต้องการสนทนาได้แล้ว จะปรากฎเว็บเพจในการแนะนำวิธีการ Log on เพื่อขอใช้บริการ พร้องทั้ให้พิมพ์ชื่อ และสีของข้อควมที่ต้องการใช้ระหว่างการสนทนจา เมื่อกำหนดเรียบร้อยแล้วให้คลิกที่ "เข้าห้อง"
5.เมื่อเข้าไปภายในห้องสนทนาแล้ว จะปรากฎชื่อของสมาชิกทั้งหมดภายในห้องสนทนานี้ และการสนทนาสามารถเลือกได้ว่าจะส่งข้อความถึงใคร หรือส่งถึงทุกคนภายในห้องก็ได้ แต่ขอความที่แสดงบนหน้าจอ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสนทนานั้นจะเห็นด้วยกันทั้งหมด
6.เมื่อเลิกผู้สนทนาที่เราต้องการส่งข้อความถึงแล้วนั้น เราก็ทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการจะส่งไป แล้วเลือกคลิกที่ Update ข้อความของเราจะไปปรากฎบนหฟน้าจดของทุกคนที่ใช้ห้องสนทนานี้
7.เมื่อต้องการออกจากหน้าสนทนา ให้คลิก Logoff
8.เพียงการทำงานตามขั้นตอนนี้ เราก็สามารถไปห้องสนทนายังห้องต่างๆได้โดยไม่ต้องทำการลงทะเบียนสมัครป็นสมาชิของเว็บไซต์ที่ให้บริการเหล่านั้น และเมื่อทำการ Logoff ออกจากห้องสนทนาห้องใดห้องหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปสนทนายังห้องอื่นๆต่อไปได้อีก

การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต
การสนทนาออนไลน์รูปแบบนี้จะไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การรับส่งสารแบบทันทีทันใด หรือ Instant Messaging เช่นโปรแกรม ICQ,MSN Messenger, Yahoo Messenger, Windows Messenger เป็นต้น จะเป็นรูแบบของการสนทนาแบบตัวต่อตัว มิใช่ลักษณะการสนทนาในแบบห้องสนทนา

- โปรแกรมสนทนา

       1. โปรแกรมเพิร์ท (PIRCH)
                PIRCH เป็นโปรแกรมสนทนาประเภท Internet Relay Chat ที่ใช้เชื่อมต่อเข้าไปยัง Server ที่ให้บริการ การสนทนาจะทำเหมือนกับการส่งข้อความ (Message) คุยผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เราเรียกวิธีนี้ว่า การแชท (Chat) เมื่อต้องการสนทนาจะต้องเปิดเข้าที่โปรแกรม PIRCH เท่านั้น 
                ประโยชน์ของ PIRCH ก็เหมือนกับโปรแกรมอื่น ๆ ที่คุยกันได้ทีละหลาย ๆ คนในครั้งเดียว สามารถส่งรูปหากันระหว่างเรากับเพื่อนสนทนาได้ ภายในโปรแกรมยังแบ่งเป็นห้องสนทนาย่อย ๆ ตามความสนใจของผู้เล่น จะคุยเป็นการส่วนตัว (เราเรียกกันว่าซิป) หรือจะคุยผ่านหน้าห้องนั้น ๆ ก็ได้ ตัวอย่างห้องสนทนาในโปรแกรม เช่น ห้องคนน่ารัก ห้องคนขี้เหงา ห้องผู้หญิงทำงาน หรือรวมไปถึงห้องขายบริการ ฯลฯ
       2. โปรแกรมไอซีคิว (ICQ) 
                ICQ คือโปรแกรมที่ใช้สำหรับการติดต่อผ่านทางอินเตอร์เน็ต ที่นิยมใช้งานกันมากที่สุดอีกอันหนึ่ง เป็นคำย่อมาจากคำว่า "I Seek You" เมื่ออ่านออกเสียงเร็ว ๆ จะอ่านว่า ไอซีคิว ICQ นับได้ว่าเป็นโปรแกรมสำหรับการติดต่อสื่อสารอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทำการได้แบบออนไลน์ กล่าวคือ สามารถคุยกันได้ทันที หรือจะฝากข้อความไว้ คล้าย ๆ กับการส่งเมล์ก็ทำได้ โดยก่อนที่จะใช้งานจะต้องทำการลงทะเบียน เพื่อขอรับเลขประจำตัวหรือ UIN มาก่อน ตัวเลขที่ได้มาจะคล้าย ๆ กับเบอร์โทรศัพท์ เมื่อเราจะติดต่อกับใคร ก็ใช้จะเลขประจำตัวที่ได้มานี้ เป็นการระบุผู้ที่เราต้องการติดต่อด้วย 
       3. ซอฟต์แวร์คิวคิว (QQ)
                QQ คือซอฟต์แวร์สำหรับใช้รับ-ส่งข้อความผ่านอินเตอร์เน็ตในลักษณะ Instant messenger (IM)ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อน ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น การส่งหรือรับข้อความก็สามารถทำได้ทันที นอกจากนี้เรายังสามารถใช้งานฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ด้วย เช่น ส่งอีเมล์,รับ - ส่งไฟล์รับ - ส่งข้อความเล่น net meeting, Chat room, PC to PC voice chat และอื่นๆ อีกมากมาย
        4. Yahoo! Messenger
                Yahoo Messenger คืออีกหนึ่งบริการ Chat หรือการคุยกับเพื่อน ๆ ที่ออนไลน์อยู่โดยการรับ และส่งข้อความ ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์ สำหรับผู้ที่มี Yahoo! ID และ Password โปรแกรมแชทนี้จะสามารถติดต่อกันได้ระว่างผู้ที่มีอีเมล์ยาฮูเหมือน ๆ กัน เท่านั้น (ใครที่ยังไม่มีสามารถ Sign up เพื่อขอ Yahoo! ID และ Passwordและดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่ yahoo.com)
                Yahoo Messenger เป็น Instant messenger ที่ค่อนข้างสมบูรณ์คือ ส่ง Pager message ให้เพื่อนในContact Listได้ในขณะที่พวกเขายังไม่ออนไลน์ เมื่อเพื่อน ๆ ออนไลน์จะได้รับ Message นั้น ขณะที่ของค่ายMSN ยังส่งได้เฉพาะตอนออนไลน์
        5. MSN Messenger
                โปรแกรมสนทนาที่สร้างโดยบริษัท Microsoft ใช้ประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ใช้ emailที่ใช้ฟรีอีเมลของ Hotmail โปรแกรม MSN มีประโยชน์ช่วยให้เราสามารถสนทนากับคนอื่นได้ทีละหลายๆคนในครั้งเดียวกัน ถ้าหากว่าคนที่เราสนทนานั้น เปิดหรือออนไลน์อยู่ในขณะนั้นด้วย เช่น ใช้ในการประชุมได้แม้ไม่ได้อยู่สำนักงานเดียวกัน หรือเป็นอักษรย่อของโปรแกรม Microsoft หรือเป็นโลโก้ของเว็บไซต์msn.com ซึ่งหากเราจะเข้าไปใช้งาน MSN Messenger สามารถเข้าไปได้ที่ msn.com หรือจะเข้าไปที่เว็บไซต์ที่มีการใช้ MSN เช่น www.hotmail.comซึ่งจะให้เราสมัครเข้าไปใช้ได้โดยจะ ชื่อ ถาม Password หรือข้อมูลทั่วๆไปคล้ายกับการสมัคร e-mail

วิธีการสนทนาออนไลน์ผ่านทางเซิร์ฟเวอร์กลาง จะมีเทคนิคเพื่อให้เลือกใช้บริการ ดังนี้
        1. การสนทนาออนไลน์ผ่านโปรแกรม คือ ลักษณะการสนทนาด้วยข้อความในห้องสนทนาโดยใช้โปรแกรมบนแต่ละเครื่องของผู้ใช้ ซึ่งจะใช้โปรแกรมสำเร็จรูปทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก และมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมาย เช่น PIRCH, MIRC และ Comic Chat ติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์กลางซึ่งจะทำงานในระบบ IRC (Internet Relay Chat) ซึ่งเป็นมาตรฐานหนึ่งของระบบอินเทอร์เน็ต

        2. การสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ (Web Chat) คือ รูปแบบของการนำวิธีการทำงานบนเว็บเซิร์ฟเวอร์มาทำให้เกิดห้องสนทนา (Chat Room) บนเว็บเพจของผู้ที่เข้าไปใช้บริการ โดยไม่ต้องมีโปรแกรมรันอยู่บนเครื่องของผู้สนทนา ปัจจุบันการสนทนาออนไลน์ผ่านเว็บได้นำเทคโนโลยี จาวา (Java) มา ใช้ในการเขียนโปรแกรมที่สามารถรันได้ทันทีบนเว็บเบราว์เซอร์โดยไม่ต้องทำการ ติดตั้ง ซึ่งเป็นการเพิ่มลูกเล่นให้ห้องสนทนามีรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้นทำให้น่า สนใจ การเริ่มใช้งานครั้งแรกจะต้องดาวน์โหลดโปรแกรม Java Applet มาทำการติดตั้งก่อน แล้วจะสามารถเริ่มสนทนาได้ ซึ่งโปรแกรมจะทำงานโดยติดต่อกับเครื่องที่เป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์กลางด้วยระบบ IRC หรือจะทำงานกับเว็บเซิร์ฟเวอร์เลยก็ได้

        -ขั้นตอนการสนทนาแบบ Chat Room
      
 1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://www.sanook.com/


        2. คลิกเลือกที่ คุยสด จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
Java Chat ซึ่งจะติดตั้งโปรแกรม Java Applet ก่อน จึงจะสามารถสนทนารูปแบบนี้ได้
Classic Chat เป็นรูปแบบดั้งเดิมของการสนทนาออนไลน์โดยผ่านเซิร์ฟเวอร์ สามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ เพิ่มเติม 
      

        3. เมื่อเลือก Classic Chat จะ มีรายชื่อของห้องสนทนาต่างๆ ภายในเซิร์ฟเวอร์แสดงออกมาให้ผู้ใช้ได้เลือกตามความสนใจ เพื่อจะได้เข้าไปคุยกับเพื่อนๆ ภายในห้องสนทนาที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน


        4. เมื่อเลือกห้องที่ต้องการสนทนาได้แล้ว จะปรากฏเว็บเพจในการแนะนำวิธีการ Log on เพื่อขอใช้บริการ พร้อมทั้งให้พิมพ์ชื่อ และสีของข้อความที่ต้องการใช้ในระหว่างการสนทนา เมื่อกำหนดเรียนร้อยแล้วให้คลิกที่ เขาห้อง


        5. เมื่อ เข้าไปภายในห้องสนทนาแล้ว จะปรากฏชื่อของสมาชิกทั้งหมดภายในห้องสนทนานี้ และการสนทนาสามารถเลือกได้ว่าเราจะส่งข้อความถึงใคร หรือส่งถึงทุกคนภายในห้องก็ได้ แต่ข้อความที่แสดงบนหน้าจอ ทุกคนที่อยู่ภายในห้องสนทนานั้นจะเห็นด้วยกันทั้งหมด

        6. เมื่อเลือกผู้สนทนาที่เราต้องการส่งข้อความถึงแล้วนั้น เราก็ทำการพิมพ์ข้อความที่ต้องการส่งไป แล้วเลือกคลิกที่ Update ข้อความของเราจะไปปรากฏบนหน้าจอของทุกคนที่ใช้ห้องสนทนานี้

        7. เมื่อต้องการออกจากห้องสนทนา ให้คลิกที่ Logoff

        8. เพียง การทำงานตามขั้นตอนนี้ เราก็สามารถเข้าไปสนทนายังห้องสนทนาต่างๆ ได้โดยไม่ต้องทำการลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ที่ให้บริการเหล่า นั้น และเมื่อทำการ Logoff ออกจากห้องสนทนาห้องใดห้องหนึ่งแล้ว ก็สามารถที่จะเปลี่ยนไปสนทนายังห้องอื่นๆ ต่อไปได้อีก

- การสนทนาออนไลน์โดยตรงระหว่างผู้ใช้อินเทอร์เน็ต

        วิธีการสนทนาออนไลน์รูปแบบนี้จะไม่ต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การรับการส่งสารแบบทันทีทันใด” หรือ Instant Messaging เช่น โปรแกรม ICQ, MSN Messenger, Yahoo Messenger, WindowsMessenger เป็นต้น การสนทนาในรูปแบบนี้จะใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบสำหรับการใช้งานโดยเฉพาะ มีลูกเล่นที่จะอำนวยความสะดวกในการสนทนา จะเป็นรูปแบบของการสนทนาแบบตัวต่อตัว มิใช่ลักษณะการสนทนาในแบบห้องสนทนา หรือการสนทนาแบบเป็นกลุ่มเหมือนกับรูปแบบของการสนทนาโดยผ่านเซิร์ฟเวอร์กลาง และจะไม่ทำให้การสนทนารูปแบบนี้ช้า ถึงแม้ว่าจะมีผู้ใช้พร้อมกันจำนวนมากก็ตาม

ขั้นตอนการสนทนาแบบ Instant Messaging
        
       1. พิมพ์ URL ที่ช่อง Address : http://messenger/yahoo.com

        2. เมื่อปรากฏหน้าจอของ Yahoo! Messenger เรียนร้อยแล้ว จะประกอบด้วย กรณี คือ

กรณีที่ 1 เป็นสมาชิก E-mail ที่ yahoo.com ให้คลิกที่ Sign In
จะปรากฏหน้าจอของการ Login เข้าไปยัง yahoo.com โดยจะใช้ Yahoo! ID และ Password เช่นเดียวกับการLogin เข้าไปยังการใช้งาน E-mail ของ yahoo.com

กรณีที่ 2 ยังไม่ได้เป็นสมาชิก E-mail ที่ yahoo.com ให้คลิกเลือกที่ Sign Up
จะให้ทำการลงทะเบียนสมาชิกโดยจะมีรูปแบบเช่นเดียวกับการสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้ E-mail ใน yahoo.com

        3. คลิกที่ Features เพื่อดูรายละเอียดของโปรแกรมและจะสามารถดาวน์โหลดโปรแกรม messenger ของyahoo.com ซึ่งจะมีรายละเอียดเพื่อให้ได้ศึกษาก่อน
                         
        4. เมื่อคลิกเลือก Download แล้ว จะมีหน้าต่าง File Download ให้เลือกที่ Open โปรแกรมจะทำการดาวน์โหลดให้จนกว่าจะเสร็จเรียบร้อย

        5. เมื่อดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว จะปรากฏหน้าต่าง Yahoo! Messenger Installation เพื่อทำการติดตั้งโปรแกรม Yahoo! Messenger ให้คลิกที่ Next เพื่อเริ่มต้นการติดตั้งโปรแกรม และทำตามขั้นตอนของการติดตั้งโปรแกรมไปจนกว่าจะเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอน

        6. เมื่อติดตั้งโปรแกรมที่ใช้ในการสนทนาเรียบร้อยแล้วจะปรากฏหน้าต่าง Sign In เพื่อใช้งานในลำดับต่อไป

        7. เมื่อ Sign In โดยกำหนด Yahoo! ID และ Password ถูกต้องแล้วจะทำการติดต่อไปยัง Yahoo! ซึ่งจะปรากฏ Yahoo! ID ของผู้ขอใช้บริการด้วย เช่นConnecting to Yahoo! as s_kulrapee

        8. จะทำการเพิ่มชื่อใน Messenger List โดยคลิกที่ Add ปรากฏหน้าต่าง
Add to Messenger List ให้กรอกข้อมูลตามช่องที่กำหนดให้

        9. ให้ทำการเลือกห้องสนทนาที่ต้องการจะเข้าไปคุยกับบุคคลต่างๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นโดยจัดห้องตามกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องต่างๆ กันไป

        เมื่อเลือกกลุ่มที่จะสนทนาได้แล้วให้คลิกที่ Go to Room เพื่อเข้าไปยังห้องสนทนาห้องที่ได้ทำการเลือกไว้

        10. ถ้า ต้องการที่จะคุยกับคนใด ก็สามารถที่จะคลิกเลือกตามรายชื่อที่ปรากฏอยู่ภายในหองนั้น หรือถ้ามีคนใดที่ต้องการจะคุยกับเรา ก็สามารถที่จะคลิกมาที่ชื่อของเราได้เช่นกัน

        11. ที่แถบสถานะ (status bar) จะปรากฏรายชื่อของผู้ที่กำลังสนทนาอยู่กับเรา และการสนทนานั้นจะสามารถสนทนากันได้หลายรูปแบบ เช่น ข้อความ กล้อง webcam เสียง หรือรูปภาพ

        12. จะมีสัญลักษณ์ของ Yahoo! Messenger อยู่ที่หน้าจอ Desktop เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อการสนทนาในครั้งต่อๆ


เว็บไซต์ที่ให้บริการสนทนาออนไลน์

htttp://www.thaimsn.com

http://www.icq.con

การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล

การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล

    การโอนย้ายแฟ้มข้อมูล หรือเอฟทีพี เป็นบริการของสถานีบริการโอนย้ายข้อมูล ซึ่งอาจเป็นขององค์กรใดองค์กรหนึ่งที่มีการนำข้อมูลมาเก็บไว้  ข้อมูลเหล่านี้อาจเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เป็นเอกสารหรือแฟ้มข้อมูลอื่นใดก็ได้  สถานีบริการนี้จะดูแลแฟ้มและให้บริการแก่ผู้เรียกใช้ ทั้งระยะใกล้และสถานีที่ห่างไกลบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  โดยผู้เรียกใช้สามารถติดต่อเข้าไปเพื่อขอคัดลอกแฟ้มข้อมูลที่ต้องการมาใช้งานได้
    นอกจากนี้ การโอนย้ายข้อมูล สามารถนำข้อมูลของผู้ใช้ โอนย้ายให้กับผู้อื่น หรือนำไปไว้ในเครื่องบริการที่เชื่อมต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ตที่อื่น ซึ่งผู้ใช้มีสิทธิ์ในการใช้
    ซอฟต์แวร์โอนย้ายข้อมูลนิยมใช้กัน 2 ชนิด ได้แก่  WS_FTP  และ Cute  FTP ซึ่งในที่นี้จะขอนำเสนอวิธีการใช้งานซอฟต์แวร์ WS_FTP เพราะมีวิธีการติดตั้งไม่ยุ่งยากและใช้งานง่าย
    การโอนย้ายข้อมูลโดยใช้ซอฟต์แวร์ WS_FTP  ที่ติดตั้งแล้ว ทำได้โดยเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตแล้วปฏิบัติดังนี้
1.ดับเบิลคลิกที่ปุ่มคำสั่งของซอฟต์แวร์ WS_FTP  เพื่อเปิดใช้งาน
2.เลือกข้อมูลที่ต้องการโอนย้าย
3.คลิกปุ่มคำสั่ง ลูกศรชี้ไปทางขวา
4.แสดงการโอนย้ายสำเร็จ

การโอนย้ายข้อมูล

การโอนย้ายแฟ้ข้อมูล(FTP:flitransferProtocol)
เป็นการแลกเปลี่ยนไฟล์ข้อมูล
อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างเครื่องเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ในการฏโอนย้ายแฟ้มข้อมูลเรียกว่า FTP Serverกับเครื่องไคลเอนต์ที่ใช้บริการเรีนกว่า FTP Client 

การโอนย้ายข้อมูลแบ่งเป็น2ลักษณะคือการดาวโหลดและการอัปโหลด
1.การดาวโหลด(Download)คือการโอนย้ายข้อมูลจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาบันทึกไว้ที่คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต โดยการคลิกจุดเชื่อมโยงที่มีสัญลักษณ์การดาวน์โหลดแล้วเลือกบันทึกลงในไดรฟ์(Drive)ของคอมพิวเตอร์หรือพื้นที่ที่ต้องการบันทึกข้อมูลเช่นการดาวน์โหลดฟรีโปรแกรม(Free Progam) มาบันทึกและติดตั้งในคอมพิวเตอร์
2.การอัปโหลด(Upload)คือการโอนย้ายแฟ้มข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไปบันทึกไว้ที่